Quatitative

Tuesday, February 6, 2007

sw 224 การวิจัยเชิงปริมาณ

การวิจัยเชิงปริมาณ มาจากกระบวนทัศน์แบบปฏิฐานนิยม ซึ่งให้ความสำคัญกับการแสวงหาความรู้ที่อิงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ ตรวจสอบได้อย่างเป็นระบบ ดังนั้น กระบวนการวิจัยเชิงปริมาณจึงมีความสำคัญในการแสวงหาความรู้ใหม่ในปัจจุบัน ใน web นี้จะนำเสนอความรู้เรื่องการวิจัยเชิงปริมาณ เพื่อให้นักศึกษา sw 224 sw 312 ใช้ประกอบในการเรียน และอาจเป็นประโยชน์สำหรับบุคคลที่สนใจคะ

เกณฑ์ในการพิจารณาว่ากิจกรรมใดเป็นงานวิจัย

การที่จะประเมินว่าการศึกษาค้นคว้าหรือกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งเป็นงานวิจัยหรือไม่นั้น ชิ้นงานบางชิ้น สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเป็นงานวิจัย แต่มีหลายกรณีไม่สามารถระบุให้แน่ลงไปได้ว่าเป็นงานวิจัย เช่น การทบทวนวรรณกรรม การรายงานผู้ป่วย บทฟื้นฟูวิชาการ หรือบทความพิเศษเป็นต้น เกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณา ซึ่งเป็นเกณฑ์สังเขปมี 4 ประการ ได้แก่
เกณฑ์ที่ 1 ความสมบูรณ์ของกระบวนการ หมายความถึงกิจกรรมนั้นต้องใช้ “ปัญญา” ในการแสดงความรู้ ซึ่งจะก่อให้เกิดกระบวนการศึกษาดังนี้
1. คิด คือ การใช้ความคิดวิจารณญาณในการกำหนดปัญหาการวิจัยที่ชัดเจน เหมาะสม มีคุณค่าน่าสนใจ มีความมุ่งมั่นในการแสวงหาคำตอบ
2. ทำ คือ ดำเนินกิจกรรมการวิจัย ได้แก่ การเก็บรวบรวมข้อมูล การนำข้อมูลมาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผลการวิจัย
3. นำเสนอ คือ นำผลการวิจัยที่ได้ออกเผยแพร่ ทั้งลายลักษณ์อักษรหรือนำเสนอในที่ประชุม เวทีวิชาการ เพื่อให้สังคมได้รับรู้รับทราบ และมีการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์

เกณฑ์ที่ 2 ความลึกซึ้งของการค้นคว้า หมายถึง มีการค้นคว้าอย่างละเอียดรอบคอบ มีระบบระเบียบทุกขั้นตอน มีเหตุมีผลของการศึกษา ดังนั้นการทบทวนศึกษาวรรณกรรมเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแล้วนำมาต่อ ๆ กันโดยไม่มีวิจารณญาณในการวิเคราะห์แปรผล และสรุปผล หรือการรายงานผู้ป่วย (Case report) ที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ กิจกรรมเช่นนี้ ไม่ผ่านเกณฑ์ข้อนี้ จึงนับไม่ได้ว่าเป็นงานวิจัย งานวิจัยต้องเป็นการศึกษาที่มีข้อมูลจำนวนมากพอและมีขอบเขตทั้งกว้างและลึก
เกณฑ์ที่ 3 ความใหม่ของความรู้ที่ได้จากผลการวิจัย หมายถึง กิจกรรมการศึกษานั้น ๆ น่าจะก่อให้เกิดความรู้ใหม่ หรือค้นพบสิ่งใหม่ ให้แก่วงการหรือศาสตร์ สาขานั้น ๆ
เกณฑ์ที่ 4 ความถูกต้องและความเชื่อถือได้ หมายความรวมถึง ความถูกต้องเชื่อถือได้ของข้อมูล กระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนการแปรผล โดยผ่านกระบวนการการป้องกันอคติต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดได้ในทุก ๆ ขั้นตอนการศึกษา ซึ่งคุณสมบัติเกณฑ์นี้เป็นหัวใจสำคัญของการทำวิจัย

นานาสาระจากรายงานการวิจัย

http://www.onec.go.th/publication/synthesis_4701/abstract_synthesis4701.htm การสังเคราะห์งานวิจัยและทิศทางการวิจัยในอนาคตผู้วิจัย:รองศาสตราจารย์ ดร. เพ็ญณี แนรอทและคณะ ภาควิชาพื้นฐานการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา มีวัตถุประสงค์

1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันของการวิจัยทางการศึกษาที่มีสาระครอบคลุมตามหมวดของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545

2) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทิศทางการวิจัยการศึกษาในประเทศไทยในอนาคต และ

3) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับประเด็นด้านวิชาการ การวิจัยและพัฒนาการศึกษา

แหล่ง ข้อมูลประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือ งานวิจัยทางการศึกษาที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในช่วงปี พ.ศ. 2543 – 2546 จำนวน 1,903 เรื่อง เป็นวิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต 87 เรื่อง วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต 1,431 เรื่อง งานวิจัยส่วนบุคคล 345 เรื่อง และงานวิจัยสถาบัน 40 เรื่อง จากสถาบัน 12 แห่ง (มหาวิทยาลัยขอนแก่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา วิทยาลัยสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ)

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสรุปรายงานการวิจัย ประกอบด้วยเนื้อหา 3 ส่วน คือ ข้อมูลพื้นฐานของงานวิจัย ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหางานวิจัย และผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การสังเคราะห์งานวิจัยเชิงคุณภาพหรือเชิงบรรยาย (Qualitative Synthesis) โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เป็นหลัก

ข้อมูลที่ได้รับถูกแจกแจงตามสาระของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 รวม 12 ประเด็นหลัก คือ 1) ความมุ่งหมายและนโยบายการศึกษา 2) สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา 3) ระบบการศึกษา 4) แนวทางการจัดการศึกษา 5) หลักสูตรและการสอน 6) การบริหารและการจัดการศึกษา 7) มาตรฐานและการประกันคุณภาพ 8) ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา 9) ทรัพยากรและการลงทุนทางการศึกษา 10) เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 11) ผู้เรียน 12) การปฏิรูปการศึกษา

ในแต่ละประเด็นของสาระดังกล่าวข้างต้นจะมีรายละเอียดในประเด็นย่อย มีงานวิจัยที่ได้รวบรวมได้และสรุปรวมองค์ความรู้ ข้อค้นพบที่สำคัญจากการวิจัย สรุปได้ดังนี้

ปริมาณงานวิจัยกลุ่มใหญ่ที่สุดเป็นการวิจัยในประเด็นแนวทางการจัดการศึกษา และ/หรือการพัฒนาการเรียนการสอน มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 631 เรื่อง (ร้อยละ 33.16 ) รองลงมาคือ สาระเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 262 เรื่อง (ร้อยละ 13.77 ) งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน 200 เรื่อง (ร้อยละ 10.51 ) งานวิจัยเกี่ยวกับครู อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาและการบริหารและการ จัดการมีจำนวนงานที่นำมาสังเคราะห์ใกล้เคียงกันคือ 170 และ 168 เรื่อง (ร้อยละ 8.93 และ 8.83) ตามลำดับ

งานวิจัยที่มีปริมาณน้อยที่สุดคือสาระทรัพยากรและการลงทุนทางการศึกษา จำนวน 17 เรื่อง (ร้อยละ 0.89) รองลงมาคือ ความมุ่งหมายและนโยบายทางการศึกษามีงาน 25 เรื่อง (ร้อยละ 1.31) บทสรุปของผู้บริหาร

ข้อสรุปโดยภาพรวม เมื่อจำแนกตามสาระในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มีข้อสรุปงานวิจัยในแต่ละหมวดดังต่อไปนี้ หมวดที่ 1 ความมุ่งหมายและนโยบายทางการศึกษา มีงานที่นำมาสังเคราะห์ 25 เรื่อง เป็นการศึกษาวิเคราะห์แนวทางการศึกษาตามปรัชญา อัตถิภาวนิยม มีการศึกษาแนวคิดของปราชญ์ ชาวไทยที่ชี้นำให้มีการจัดการศึกษาที่ดีแก่ประชาชนทุกคน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาในทุกด้าน

การศึกษาด้านการจัดระบบโครงสร้างการจัดการศึกษาในแง่เอกภาพ ด้านนโยบายและการกระจายอำนาจพบว่า องค์การบริหารส่วนตำบลที่มีศักยภาพโดยรวมในระดับปานกลาง ปัจจุบันพบว่า องค์การบริหารส่วนตำบลจัดการศึกษาก่อนวัยเรียนมาก และร่วมดำเนินการจัดการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยมากกว่าการศึกษาในระบบ มีงานที่ศึกษาถึงปัจจัยเกื้อหนุนการจัดการศึกษาเอกชนในทศวรรษหน้า และในลักษณะการจัดการศึกษาโดยครอบครัวคาดว่า เอกชนมีบทบาทมากขึ้น

ด้านการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา สำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี พบว่า ทุกองค์กรศาสนาทุกศาสนามีส่วนร่วมอย่างมากและการถ่ายโอนอำนาจการจัดการศึกษาจากส่วนกลางไปสู่องค์กรบริหารส่วนตำบลจะทำให้ประหยัดงบประมาณส่วนกลางได้อย่างมาก หมวดที่ 2 สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา มีงานวิจัย 65 เรื่อง พบว่ามีการศึกษาความต้องการของบุคคลทั่วไป ความต้องการของเด็กด้อยโอกาสและการจัดบริการการศึกษาให้กับประชาชนผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส มีงานวิจัยที่ศึกษาพัฒนานวัตกรรมสำหรับเด็กพิการและปัญหาการใช้สื่อในโรงเรียนเด็กพิเศษเรียนร่วม ความเสมอภาคเป็นการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความเสมอภาคในการบริหารจัดการศึกษา

สำหรับประเด็นด้านกฏหมายและนโยบายที่ส่งเสริมสิทธิและหน้าที่ทางการศึกษาพบงานวิจัย 1 เรื่อง เกี่ยวกับกฎบัตรสิทธินิสิตนักศึกษา ซึ่งประกอบด้วยเสรีภาพส่วนบุคคล สิทธิเสรีภาพทางความคิดเห็น การรวมกลุ่มการเมืองและการปกครองในสถาบัน การตรวจสอบการทำงานของสถาบันและการได้รับการปฏิบัติ หมวดที่ 3 ระบบการศึกษามีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 53 เรื่อง การจัดการศึกษาในระบบมีการวิเคราะห์ความเหมาะสมและการนำแนวการสอนจากตะวันตกเข้ามาใช้ในระบบการศึกษาไทย มีการศึกษาการจัดโครงการเรียนร่วมสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เด็กพิเศษที่ได้ข้อสรุปว่าครูไม่มีความพร้อม แต่การจัดการเรียนร่วมไม่เป็นปัญหากับเด็กปกติ การจัดการศึกษานอกระบบพบว่า ประชาชนต้องการมีส่วนร่วมสูงกว่าระบบการดำเนินงานที่เป็นจริงในระดับมาก และการจัดหลักสูตรระยะสั้นในศูนย์การเรียนชุมชนมีความเหมาะสม การศึกษาตามอัธยาศัยเป็นการศึกษาถึงการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้กับเด็กก่อนเกณฑ์ ด้านประสิทธิภาพการจัดการศึกษาร่วมกันทั้ง 3 ระบบ พบว่า มีการนำรูปแบบการเรียนรู้วิถีชุมชนเข้ามาใช้ในระดับอุดมศึกษา มีการวิเคราะห์ผลของการศึกษาในระบบที่มีต่อชุมชน มีการศึกษาการจัดการศึกษาตามอัธยาศัยโดยภาคสังคม และโดยศูนย์การเรียนที่ไม่สังกัดภาครัฐ มีการศึกษาบทบาทที่พึงประสงค์ของหน่วยงานทางการศึกษาไทยในทศวรรษหน้า ซึ่งเป็นการศึกษาการวางแผนกลยุทธ์ของสำนักวิทยบริการในสถาบันอุดมศึกษา พบว่า ด้านเอกลักษณ์จะมีการมีส่วนร่วมของชุมชน ด้านห้องสมุดจะมีการใช้ ICTs

ในการศึกษาถึงแนวคิดในการเป็นนานาชาติของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า มีแนวคิดนี้ขึ้นมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ด้านยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมในการประสานงานระหว่างสถาบัน มีงานวิจัยที่ประเมินการจัดการศึกษาทวิภาคีกับต่างประเทศ 1 เรื่อง และการศึกษาความเชื่อมโยงในการรับนักศึกษาต่างชาติเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีในประเทศไทย หมวดที่ 4 แนวทางการจัดการศึกษา มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 631 เรื่อง การเรียนรู้เรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 32 เรื่อง ซึ่งศึกษาถึงปัญหา ปัจจัยและการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานสิ่งแวดล้อม การนำรูปแบบการสอนมาใช้ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ พฤติกรรมและ เจตคติ และพัฒนารูปแบบการสอนหรือสร้างแหล่งข้อมูลสิ่งแวดล้อม การจัดการศึกษาแก่ผู้ที่อยู่ในสถานประกอบการและพัฒนาทักษะการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพมีงานวิจัย 13 เรื่อง ศึกษาถึง เครือข่ายความร่วมมือทางอาชีวศึกษา ความต้องการพัฒนาการฝึกอาชีพและทักษะการดำรงชีวิต การศึกษาวิเคราะห์การเรียนรู้ทางเศรษฐกิจพอเพียง การให้การศึกษาแก่ประชาชนเพื่อการดูแลสุขภาพของตนเอง และการจัดโครงการให้นักเรียนสัมผัสชีวิตชุมชนจากประสบการณ์ตรง ด้านการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนากระบวนการคิดและแก้ปัญหา เน้นประสบการณ์และการฝึกปฏิบัติ มีงานวิจัย 49 เรื่อง เป็นการใช้รูปแบบและผลิตภัณฑ์ทางการศึกษาพัฒนาผู้เรียน ซึ่งทุกกิจกรรมและกระบวนการทำให้ผู้เรียนกลุ่มทดลองมีพฤติกรรมแตกต่างจากกล่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

การเรียนรู้โดยการผสมผสานความรู้ คุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาประชาธิปไตย ภูมิปัญญาท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 41 เรื่อง การเรียนการสอนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ที่นำมาสังเคราะห์เป็นการสอนคณิตศาสตร์ 94 เรื่อง และวิทยาศาสตร์ 70 เรื่อง งานวิจัยแบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ สร้างหรือทดลองใช้รูปแบบ/วิธีสอน หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการศึกษา เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนในระดับชั้นต่างๆ เป็นงานที่สนใจสร้างหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการศึกษาเพื่อหวังผลในการพัฒนาตัวแปรเฉพาะบางตัวที่ไม่ใช่ผลสัมฤทธิ์โดยตรง

งานวิจัยที่มุ่งสำรวจหรือบรรยายตัวแปรทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ วิธีสอนแบบต่าง ๆ ที่นำมาศึกษาทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าการสอนตามปกติ การเรียนการสอนภาษา งานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์เป็นการเรียนการสอนภาษาไทย 84 เรื่อง และการสอนภาษาอังกฤษ 116 เรื่อง งานวิจัยสามารถแบ่งเป็น 3 ลักษณะ ได้เช่นเดียวกับการสอนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ กลุ่มสร้างเสริมลักษณะนิสัย สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต การงานพื้นฐานอาชีพ สังคมศึกษา ศิลปศึกษาและพลศึกษา มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 52 เรื่อง การประเมินผลการเรียนรู้ มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 56 เรื่อง ประกอบด้วย การสร้างและพัฒนาเครื่องมือวัด ด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย

มีงานวิจัยเกี่ยวกับการทดสอบ แบบทดสอบและเทคนิคการวัด และการพัฒนาทางการวัดผล การเรียนรู้โดยความร่วมมือกับครอบครัว ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กร ชุมชน มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 24 เรื่อง ประกอบด้วยงานวิจัยเกี่ยวกับการจัดอบรมเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วม ศึกษาสภาพความต้องการมีส่วนร่วม การสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน การศึกษาเครือข่ายการเรียนรู้ในท้องถิ่นเพื่อการจัดการเรียนการสอน

ขณะเดียวกันในมาตรา 28 ของหมวดที่ 4 นี้ได้กำหนดให้หลักสูตรการศึกษาระดับต่างๆ ต้องมีลักษณะหลากหลาย ดังนั้น งานวิจัยนี้จึงนำงานวิจัยด้านหลักสูตรและการสอน ซึ่งมีงานที่นำมาสังเคราะห์จำนวน 136 เรื่อง ซึ่งเป็นงานวิจัยข้อมูลพื้นฐานหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตร การใช้หลักสูตรและกรประเมินหลักสูตร หมวดที่ 5 การบริหารและการจัดการศึกษามีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 168 เรื่อง เป็นการศึกษารูปแบบการบริหารและการจัดการในระดับต่างๆ การศึกษาบทบาทและภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานของสถานศึกษา สภาพการดำเนินการปฎิบัติระบบการเรียนการสอนในระดับต่างๆ การศึกษาสภาพปัจจุบัน และปัญหาในการบริหารงานโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การศึกษาปัญหาของครูในระดับต่างๆ

ในการจัดการเรียนการสอน หมวดที่ 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพมีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 96 เรื่อง มีการศึกษาด้านความพร้อมในการรองรับการประกันคุณภาพในระดับต่างๆ การศึกษาสภาพปัญหาในการปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐานในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา การศึกษาความเข้าใจในการประกันคุณภาพการศึกษาของบุคลากรฝ่ายต่างๆ การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลถึงการประเมินภายในสถานศึกษา

การศึกษาด้านระบบสารสนเทศเพื่อการประกันคุณภาพมีงานวิจัย 3 เรื่อง ศึกษาความเชื่อมโยงของการใช้การประกันคุณภาพของสถาบันการศึกษากับการประกันคุณภาพจากระบบอื่นๆ หมวดที่ 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 170 เรื่อง ประกอบด้วยประเด็นต่อไปนี้ คือ การผลิตการเตรียมคนเข้าสู่วิชาชีพครู บุคลากรทางการศึกษา มีงานวิจัยศึกษาถึงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของครูทั้งในอดีตและครูในปัจจุบัน

งานวิจัยที่ศึกษาโดยตรงถึงการเตรียมคนเข้าสู่วิชาชีพครูมีเพียง 1 เรื่อง มีงานศึกษาถึงการพัฒนางานวิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาครูตามแนวปฏิรูปการศึกษา ด้านปัจจัยที่ส่งผลถึงประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษา พบว่า ปัจจัยด้านครูเป็นความรู้ความเข้าใจเรื่องหลักสูตร แผนการสอน ทักษะกระบวนการ มีงานวิจัย 4 เรื่อง พบว่าครูแนะแนวในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษามีปัญหาด้านเวลา ขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการแนะแนว ด้านปัญหาและความต้องการในการพัฒนาวิชาชีพ ครูมีปัญหาในการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการศึกษา ประเภทแฟ้มสะสมงาน และสื่อสารสนเทศ และในระดับอุดมศึกษา ผู้สอนต้องการในด้านการผลิตและการใช้สื่อในระดับมาก ด้านการนิเทศพบว่า ครูมีปัญหาในระดับปานกลางและตัวการการนิเทศภายในระดับมาก สำหรับครูภาษาอังกฤษต้องการการนิเทศในระดับมากทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการวัดและประเมินผลมากที่สุด ด้านงานวิจัยในชั้นเรียนมีงาน 5 เรื่อง พบว่าครูต้องการความรู้ในระดับมาก ด้านการสร้างค่านิยมในอาชีพครู และการประเมินศักยภาพสถาบันผลิตครู มีงานวิจัยระดับละ 1 และ 2 เรื่อง ซึ่งไม่ได้ศึกษาในประเด็นนี้โดยตรง หมวดที่ 8 ทรัพยากรและการลงทุนทางการศึกษา

มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 17 เรื่อง การระดมทรัพยากรและการลงทุนทางการศึกษา มีงานวิจัยศึกษาถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก ่การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายรายหัวของนักเรียนทุกระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ทั้งในโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชน

การจัดสรรทรัพยากรเพื่อการศึกษา มีงานวิจัย 4 เรื่อง พบว่า ควรปรับเปลี่ยนระบบงบประมาณจากการจัดสรรแบบแสดงรายการโดยจัดสรรเป็นก้อน โดยเป็นระบบงบประมาณแบบเน้นผลงาน ควรมีการปฏิรูปการเงินเพื่อการอุดมศึกษาโดยรัฐเปลี่ยนบทบาทจากการเน้นผู้จัดการศึกษาเป็นผู้สนับสนุนกำกับดูแลและผู้กำหนดนโยบาย การตรวจสอบติดตามและประเมินประสิทธิภาพประสิทธิผล มีงานวิจัย 3 เรื่อง พบว่า การดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 8 ขาดความชัดเจน ขาดข้อมูลพื้นฐานที่จะนำไปใช้กำหนดงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีงานวิจัย 2 ชิ้นศึกษาติดตามกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา พบว่า กองทุนให้นักเรียนกู้ยืมเงินเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า กองทุนฯ ประสบความสำเร็จ หมวดที่ 9 เทคโนโลยีทางการศึกษา มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 262 เรื่อง การวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเทคโนโลยีทางการศึกษา มีงานวิจัย 12 เรื่อง เป็นการพัฒนาระบบการสอนทางไกลในสถาบันอุดมศึกษา และประเมินศูนย์สื่อการศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา การพัฒนาแบบเรียน วัสดุ อุปกรณ์เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเป็นการศึกษามีงานที่นำมาสังเคราะห์ 194 เรื่อง เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน 134 เรื่อง อุดมศึกษา 48 เรื่อง การศึกษานอกระบบ 1 เรื่อง การศึกษาอัธยาศัย 6 เรื่อง และการศึกษาปฐมวัย 5 เรื่อง ซึ่งงานทั้งหมดนี้เป็นการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน การพัฒนาผลิตภัณฑ์การศึกษาเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในการเรียนให้สูงขึ้น มีการใช้สื่อการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ในวิชาคณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาพบว่าเวลาที่ใช้ในคาบไม่เพียงพอ และผลการเรียนรู้อยู่ในระดับปานกลาง

ส่วนการสอนทางไกลในระดับอุดมศึกษาพบปัญหาเช่นเดียวกัน และพบว่าผู้เรียนไม่คุ้นเคยกับรูปแบบการสอนทางไกล การพัฒนาระบบสารสนเทศในชั้นเรียน มีการนำเสนอการออกแบบห้องเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนแบบร่วมมือมีการศึกษาสภาพการใช้อินเตอร์เน็ตในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา พบว่า มีปัญหาด้านงบประมาณและบุคลากร ผลกระทบของสื่อที่มีต่อครูและบุคลากร ต่อครูพบว่าครูไม่มีเวลาในการผลิตคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และสนใจที่จะนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ไปใช้น้อย ส่วนผู้ปกครองพบว่า เป็นแบบอย่างที่ดีและชี้แนะข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็ก ให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่เด็กจะมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ คือ การมีโลกส่วนตัวของตัวเอง การศึกษาผลกระทบของสารสนเทศจากสื่อมวลชน พบว่า ส่งผลในระดับมาก ผู้เรียน : มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 200 เรื่อง

ปัจจัยที่ส่งผลต่อผู้เรียนและลักษณะของผู้เรียนมีการศึกษาสภาพการเลี้ยงดู และพัฒนาวัยเด็ก พบว่า ความรู้ของมารดา ความมั่นคงทางอารมณ์ของมารดา ความพึงพอใจในชีวิตสมรส และแรงสนับสนุนทางสังคมของมารดา ญาติสามารถร่วมทำนายพฤติกรรมมารดาในการส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กก่อนวัยเรียนได้ ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ในการเรียน พบว่าปัจจัยด้านตัวครู ด้านหลักสูตรการเรียนรู้ ผู้ปกครองและชุมชน และปัจจัยด้านสื่อเทคโนโลยี มีงานวิจัย 7 เรื่อง ศึกษาสาเหตุการกวดวิชาของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 สังกัดกรมสามัญศึกษาพบว่า มีสาเหตุด้านส่วนตัว คือ ต้องการความรู้เพิ่มเติม ต้องการพัฒนาความรู้เดิม ต้องการให้ผลสัมฤทธิ์ดีขึ้น ด้านเทคนิควิธี สอนเข้าใจง่าย ด้านเนื้อหามีความสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน คุณลักษณะของผู้เรียน นักเรียนระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนขยายโอกาสและนักเรียนระดับประถมศึกษา พบว่ามีความสามารถทางเชาว์ปัญญาระดับปานกลาง เจตคติต่อการเรียนในระยะของการปฏิรูปการศึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ต่างต้องการศึกษารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางแบบที่ครูยังมีบทบาทคอยกำกับกิจกรรม และแบบที่ครูลดบทบาทลงไปปานกลาง

ด้านเจตคติต่อการคบเพื่อน และความรู้ในเรื่องเพศศึกษาในระดับปานกลาง ด้านความรู้และทัศนคติต่อการป้องกันโรคเอดส์ พบว่าร้อยละ 48.7 มีความรู้เรื่องโรคเอดส์ ระดับปานกลาง และนักเรียนในระดับมัธยมศึกษามากกว่าครึ่งไม่มีภาวะเครียด และมีพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพในระดับน้อย แต่ร้อยละ 47.0 ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และร้อยละ 52.9 เคยใช้สิ่งกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ และพบว่านักเรียนชั้นประถม-ศึกษามีวินัยและจริยธรรมค่อนข้างสูงในด้านความใฝ่รู้ ประหยัด เสียสละ และเมตตากรุณา

ในระดับอุดมศึกษา พบว่า การใช้เวลาว่างของนักศึกษาที่อยู่ในหอพักใช้เวลาว่างด้านวิชาการ ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมไม่แตกต่างกัน แต่ด้านกีฬาและนันทนาการแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่พบงานวิจัยด้านการใช้เวลาว่างของนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการศึกษา มีงานวิจัยที่นำมาสังเคราะห์ 80 เรื่อง เป็นการศึกษาการเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษาของโรงเรียนระดับประถมศึกษา พบว่า มีความพร้อมทุกด้าน การวิเคราะห์ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการนำนโยบายการศึกษาไปปฏิบัติกรณีนโยบายการขยายการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นยังรับนักเรียนได้ต่ำกว่าเป้า คุณภาพของผลสัมฤทธิ์อยู่ในระดับพอใช้

การบริหารด้านวิชาการของโรงเรียนนำร่องการใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2544 พบว่า ผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำหลักสูตรของแต่ละโรงเรียนยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรดังกล่าว ด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาพบว่า อาจารย์มีความรู้ด้านเนื้อหาสาระ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การประสานงานกับชุมชนในระดับปานกลาง และการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางมีการปฏิบัติในระดับมาก

ด้านการดำเนินโครงการสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนประถมศึกษา พบว่า มีความพร้อมทุกด้าน แต่มีปัญหาด้านการขาดแคลนงบประมาณ บุคลากรมีภาระมาก และขาดความรู้ความเข้าใจในการสอนเด็กที่มีความต้องการพิเศษ มีการศึกษาคุณลักษณะและสภาพแวดล้อมของเด็กปัญญาเลิศในระดับประถมศึกษา มีการพัฒนากิจกรรมที่พัฒนาเชาวน์อารมณ์ของนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ และทดลองใช้รูปแบบและวิธีสอนต่างๆ พัฒนาทักษะกระบวนการคิด ความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ

ทิศทางงานวิจัยในอนาคต : ทิศทางงานวิจัยในอนาคตอาจแบ่งได้เป็น 2 ระดับ คือ 1) ระดับประเทศมีแนวโน้มว่าจะเป็นงานวิจัยในลักษณะบูรณาการหรืองานวิจัยที่ร่วมมือดำเนินการจากสาขาวิชาต่าง ๆ 2) ในระดับสถาบันการศึกษา งานวิจัยในระดับมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต ควรจะดำเนินการตามสาระในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ประเด็นงานวิจัยควรตอบสนองกับงานวิจัยที่ขาดในสาระต่าง ๆ ตามที่นำเสนอในสรุปรายงานการวิจัยฉบับนี้

Quatitative

Tuesday, February 6, 2007

sw 224 การวิจัยเชิงปริมาณ

Blog Archive

เกณฑ์ในการพิจารณาว่ากิจกรรมใดเป็นงานวิจัย

นานาสาระจากรายงานการวิจัย